ธนินท์ เจียรวนนท์ หรือที่รู้จักในนาม “เจ้าสัวธนินท์” เป็นนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีนผู้มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจไทยและระดับโลก โดยเป็นหัวเรือใหญ่ของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เริ่มต้นจากการขายอาหารสัตว์ จนเติบโตครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น เกษตรกรรม อาหาร ค้าปลีก โทรคมนาคม และการลงทุนในระดับนานาชาติ ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ความกล้าคิดกล้าทำ และความตั้งใจจริงในการสร้างประโยชน์ต่อสังคม ทำให้ธนินท์กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศไทยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ประวัติและชีวิตในวัยเยาว์ของธนินท์ เจียรวนนท์
ธนินท์ เจียรวนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2482 ในครอบครัวชาวจีนอพยพที่เริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ในเยาวราชโดยบิดาของเขา เจีย เอ็งเชียง วัยเด็กของเขาผ่านช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับข้อจำกัดทางการเงิน และสังคม แต่ธนินท์ไม่เคยหยุดเรียนรู้ โดยเขาเริ่มศึกษาภาษาจีนและค้าขายตั้งแต่วัยเยาว์ ก่อนจะได้ไปศึกษาต่อด้านธุรกิจที่ฮ่องกงซึ่งเปลี่ยนมุมมองของเขาให้กว้างขึ้น ประสบการณ์เหล่านี้กลายเป็นรากฐานทางความคิดที่ผลักดันให้เขากลายเป็นนักบริหารระดับตำนานของไทย
เส้นทางธุรกิจและการก่อตั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการขายอาหารสัตว์และเมล็ดพันธุ์ ธนินท์ได้ขยายกิจการสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรและกลายเป็นผู้บุกเบิกระบบ “ต้นน้ำถึงปลายน้ำ” ของไทย โดย CP Group เติบโตครอบคลุมหลายประเทศ และเข้าสู่ตลาดค้าปลีกด้วยการก่อตั้ง 7-Eleven และ Lotus’s นอกจากนี้ยังขยายเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคมผ่าน True Corporation และการลงทุนในต่างประเทศอย่าง Tesco Lotus ประเทศจีน สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นผู้วางระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่ช่วยยกระดับชีวิตของผู้คนในวงกว้าง
ความมั่งคั่งและการจัดอันดับในระดับโลก
ความสำเร็จทางธุรกิจของธนินท์ทำให้เขาก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยและระดับโลก ตามการจัดอันดับของ Forbes ปีล่าสุด ธนินท์มีทรัพย์สินสุทธิกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอยู่ในอันดับต้น ๆ ของมหาเศรษฐีเอเชีย และยังติดอันดับตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดของโลก เขาไม่เพียงเป็นบุคคลร่ำรวยเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
วิสัยทัศน์และแนวคิดในการบริหาร
สิ่งที่ทำให้ธนินท์โดดเด่นกว่านักธุรกิจทั่วไป คือวิสัยทัศน์ที่ไกลเกินยุคสมัย โดยเขาเชื่อมั่นในแนวคิด “ผู้ชนะต้องให้ก่อน” และ “การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องเริ่มจากรากหญ้า” เขายังให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ พร้อมลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเตรียมองค์กรสู่อนาคต ไม่ว่าจะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือสถานการณ์โรคระบาด ธนินท์มักจะเป็นผู้นำที่แสดงออกถึงความมั่นคงและการปรับตัวได้ดีเสมอ
กิจกรรมเพื่อสังคมและมูลนิธิที่เกี่ยวข้อง
ธนินท์ไม่ได้มองเพียงแค่ผลกำไร แต่ให้ความสำคัญกับ “การคืนกลับสู่สังคม” ผ่านมูลนิธิต่าง ๆ เช่น มูลนิธิพุทธรักษา ซึ่งสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาส และมูลนิธิธนินท์ เทวี เจียรวนนท์ ที่ส่งเสริมด้านสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ยังสนับสนุนโครงการส่งเสริมเกษตรกรไทยให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และสนับสนุนการเรียนรู้ของเยาวชนผ่านการมอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ความท้าทายและการตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
แม้ CP Group จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่พ้นเสียงวิจารณ์เรื่องการแข่งขันและความผูกขาด ซึ่งธนินท์ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า โมเดลธุรกิจของเครือซีพีคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่เพื่อควบคุมตลาด เขายังให้ความสำคัญกับความโปร่งใส และสื่อสารกับสังคมอยู่เสมอ โดยล่าสุดยังมีการดำเนินคดีกับผู้แอบอ้างชื่อในโซเชียล เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรอีกด้วย สุทัตตาภักดิ์ บริรักษ์ภูมินทร์
บทสรุป
ธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นตัวอย่างของผู้นำที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ ด้วยวิสัยทัศน์ ความอุตสาหะ และความกล้าตัดสินใจ ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตของตนเองและครอบครัว แต่ยังสร้างอิทธิพลเชิงบวกให้กับคนอีกนับล้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ชีวิตของเขาคือแรงบันดาลใจที่แท้จริงสำหรับผู้ที่ฝันอยากสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ในโลกใบนี้
คำถามที่พบบ่อย
Q: ธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นใคร?
A: เป็นประธานอาวุโสของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย
Q: เครือซีพีเริ่มต้นธุรกิจจากอะไร?
A: เริ่มจากการขายอาหารสัตว์ในย่านเยาวราช ก่อนจะขยายไปสู่ธุรกิจหลายด้าน
Q: ธนินท์ให้ความสำคัญกับเรื่องใดมากที่สุดในการบริหาร?
A: การพัฒนาคนรุ่นใหม่ การลงทุนในเทคโนโลยี และการสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคม